‘กรวีร์’ ชี้สโมสรเลื่อนชั้น ต้องได้เกณฑ์คลับไลเซนซิ่งตามระเบียบเอเอฟซี
หลังจากฟุตบอลไทยลีก 1 และ ไทยลีก 2 ปิดฉากแล้ว เหลือเพียงเพลย์ออฟไทยลีก 2 โดยทีมตกชั้นจากไทยลีก 1 เรียงจากอันดับล่าง คือ เชียงใหม่ ยูไนเต็ด, สมุทรปราการ ซิตี้ และ สุพรรณบุรี เอฟซี ส่วนทีมที่ขึ้นชั้นจากไทยลีก 2 แน่นอน คือ ลำพูน วอริเออร์ ทีมแชมป์ กับ สุโขทัย เอฟซี รองแชมป์ รออีก 1 ที่จากเพลย์ออฟ ที่รอบรองชนะเลิศ แพร่ ยูไนเต็ด พบ ตราด เอฟซี และ ชัยนาท ฮอร์นบิล พบ ลำปาง เอฟซี
นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด กล่าวว่า สำหรับทีมที่จะเล่นในลีกสูงสุดนั้น หลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้นานแล้ว คือต้องผ่านเกณฑ์ได้คลับไลเซนซิ่ง ซึ่งผู้ที่พิจารณาก็คือ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย(เอเอฟซี) ไม่ใช่สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย เรื่องนี้เป็นสิ่งที่ทราบกันดี
เมื่อถามถึงเรื่องสนามของลำพูน วอริเออร์ ที่ต้องปรับให้ได้ตามเกณฑ์นั้น รักษาการซีอีโอไทยลีก กล่าวว่า สนามอบจ.ลำพูน(แม่กวง) ที่ใช้มาก่อนหน้านั้น ต้องปรับบางเรื่อง เช่น ไฟส่องสว่าง, พื้นสนาม ส่วนกรณีที่มีข่าวว่า จะไปใช้สนามสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี นั้น หากใช้ชั่วคราว 1-2 เดือน ไม่มีปัญหา แต่หากย้ายไปเลยก็ไม่ได้ เพราะย้ายข้ามจังหวัด ซึ่งระหว่างที่จะไปใช้สนามที่ จ.เชียงใหม่ ชั่วคราว ทางลำพูน วอริเออร์ ต้องส่งแผนการปรับปรุงสนามมาให้ บจก.ไทยลีก ภายในกลางเดือนนี้
“เรื่องคลับไลเซนซิ่ง เป็นเรื่องที่กำหนดไว้นานแล้ว ผู้พิจารณาคือเอเอฟซี ซึ่งจะเน้นกับลีกสูงสุดมาก ดังนั้นที่มีกระแสว่า จะเปิดทางให้ทีมหนึ่งทีมใด ที่ตกชั้นจาก ไทยลีก 1 ได้เล่นต่อนั้นไม่จริงแน่นอน”
เมื่อถามว่าหากลำพูนไม่ผ่านคลับไลเซนซิ่ง โควต้าจะไปอยู่ตรงไหน นายกรวีร์ ตอบว่า จะตกไปอยู่กับรองแชมป์เพลย์ออฟไทยลีก 2 แต่ถ้าทีมรองแชมป์เพลย์ออฟ ก็ไม่ผ่านคลับไลเซนซิ่งอีก จะไม่ให้ 2 ทีมที่ตกรอบรองฯ เพลย์ออฟแล้ว จะกลับมาให้กับทีมที่ตกจากไทยลีก 1