อสังหา
FPIT จับมือ “มิตซุย ฟุโดซัง” สั่งเดินหน้า “โลจิสติกส์ พาร์ค” พื้นที่ EEC
วันจันทร์ ที่ 05 กรกฎาคม พ.ศ. 2564, 17.25 น.
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่
FPIT จับมือ “มิตซุย ฟุโดซัง” สั่งเดินหน้า “โลจิสติกส์ พาร์ค” พื้นที่ EEC
บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FPIT” ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรมสมัยใหม่ชั้นนำของประเทศไทย และ กลุ่มบริษัทมิตซุย ฟุโดซัง ผู้นำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หลากหลายประเภทที่ใหญ่ที่สุดจากประเทศญี่ปุ่น ได้เดินหน้าสานต่อความร่วมมือเชิงกลยุทธ์เพื่อพัฒนาอาคารคลังสินค้าเฟสแรก ในโครงการ บางนา 2 โลจิสติกส์ พาร์ค (Bang Na 2 Logistics Park) ซึ่งเป็นการร่วมทุนกันระหว่างทั้งสองบริษัท โดยโครงการในเฟสแรกนี้ได้รับการออกแบบเพื่อตอบรับแนวโน้มความต้องการใช้อาคารคลังสินค้าที่กำลังเปลี่ยนไป ทั้งในรูปแบบของพื้นที่คลังสินค้าในเขตทั่วไป (General Zone) และ เขตปลอดอากร (Free zone) หลังการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
โครงการ บางนา 2 โลจิสติกส์ พาร์ค นับเป็นโครงการโลจิสติกส์ พาร์ค รูปแบบใหม่ ที่สนับสนุนการดำเนินงานด้วยระบบอัจฉริยะและรองรับการบริหารจัดการตามกรอบความยั่งยืน ซึ่งสามารถเรียกได้เป็นว่า เป็น Smart & Sustainable Logistics Park แห่งแรกในประเทศไทย โดยตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์บนถนนบางนา-ตราด กม. 46 ซึ่งอยู่ในพื้นที่เขต EEC อำเภอบางปะกง จังหวัดฉะเชิงเทรา มีพื้นที่รวมกว่า 187 ไร่ เมื่อได้รับการพัฒนาครบทุกเฟสแล้วจะมีพื้นที่อาคารให้เช่ารวมกว่า 160,000 ตารางเมตร ภายในพื้นที่ครบครันด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่สอดคล้องกับมาตรฐานระดับสากล จึงสามารถรองรับความต้องการใช้พื้นที่ของลูกค้าทุกกลุ่มได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ โครงการ บางนา 2 โลจิสติกส์ พาร์ค ยังรองรับการปฏิบัติตามมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน (Sustainability) ทุกรูปแบบ ภายในโครงการมีคลังสินค้าคุณภาพสูงแบบพร้อมใช้ หรือ Ready-Built Warehouse และแบบสร้างตามความต้องการของลูกค้า หรือ Built-to-Suit รูปแบบใหม่ ที่สามารถรองรับเทคโนโลยีและนวัตกรรมทันสมัย ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานด้านโลจิสติกส์ของลูกค้า เช่น ระบบออโตเมชั่น และระบบควบคุมการใช้พลังงานไฟฟ้าและน้ำ เป็นต้น
คลังสินค้าอาคารแรกของโครงการนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 23ไร่ ในเขตทั่วไป (General Zone) โดยจะมีพื้นที่สำหรับเช่ารวมทั้งสิ้น 21,954 ตารางเมตร ภายในอาคารจะจัดแบ่งพื้นที่ออกเป็น 4 ยูนิตย่อย จึงมีความยืดหยุ่นในการรองรับการใช้งานของลูกค้าได้อย่างหลากหลาย นอกจากนี้ ยังออกแบบให้คลังสินค้ามีความสูงถึง 12 เมตร และสามารถรับน้ำหนักได้มากถึง 5 ตันต่อตารางเมตร (floor loading capacity) อีกทั้ง จัดให้มีพื้นที่สำหรับขนถ่ายสินค้า 2 ด้าน (cross docking operation) พร้อมติดตั้งอุปกรณ์ปรับระดับพื้น (dock leveler) เพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าในการขนถ่ายสินค้าได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ภายในอาคารยังมีการติดตั้งไฟแสงสว่างประเภทประหยัดพลังงาน (LED Light) และสุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ เพื่อส่งเสริมด้านการประหยัดการใช้ทรัพยากร ปัจจุบัน อาคารคลังสินค้าแห่งนี้อยู่ระหว่างการพัฒนา และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปี 2564
ติดตามข่าวด่วน กระแสข่าวบน Facebook คลิกที่นี่